ปุ่มนำทางหน่วยการเรียนรู้ที่ 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เทคโนโลยีกับการพัฒนางานอาชีพภายในชุมชนหรือท้องถิ่น
ตัวชี้วัด
ว 4.1 ม.3/2 ระบุปัญหาหรือความต้องการของชุมชนหรือท้องถิ่น เพื่อพัฒนางานอาชีพ สรุปกรอบของปัญหา รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา โดยคำนึงถึงความถูกต้องด้านทรัพย์สินทางปัญญา
ว 4.1 ม.3/3 ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลที่จำเป็นภายใต้เงื่อนไขและทรัพยากรที่มีอยู่ นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจด้วยเทคนิคหรือวิธีการที่หลากหลาย วางแผนขั้นตอนการทำงานและดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน
ปัญหาหรือความต้องการภายในชุมชนหรือท้องถิ่น
ปัญหาหรือความต้องการภายในชุมชนหรือท้องถิ่น เป็นปัจจัยที่สามารถส่งผลกระทบต่ออาชีพต่าง ๆ ภายในชุมชนหรือท้องถิ่นได้ ตัวอย่างเช่น
ปัญหาเรื่องหมอกควันในอากาศ
ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง
ทำให้เกิดปัญหาในด้านทัศนวิสัยในการขับขี่ยานพาหนะที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้
การสำรวจปัญหาหรือความต้องการภายในชุมชนหรือท้องถิ่น เพื่อนำมาวิเคราะห์จะทำให้เข้าใจสภาพปัญหาและหาแนวทางแก้ปัญหาได้
การสำรวจปัญหาและความต้องการของชุมชน
1. การสำรวจชุมชนหรือท้องถิ่น
การสำรวจความต้องการและปัญหาในชุมชนหรือท้องถิ่น เพื่อให้ทราบลักษณะและขอบเขตของปัญหา สำหรับใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการศึกษาสาเหตุและแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขด้วยความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมีระบบ
2. วิธีการสำรวจปัญหาในชุมชนหรือท้องถิ่น
เป็นการสำรวจปัญหาในชุมชนหรือท้องถิ่น เพื่อนำปัญหาหรือความต้องการของคนในชุมชน มาแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยี โดยมีวิธีการสำรวจ 4 วิธี ดังนี้
2.1) สำรวจจากเอกสาร ตำรา และฐานข้อมูล
เป็นการศึกษาจากข้อมูลหรือเอกสารที่มีอยู่แล้ว ได้แก่ เอกสารทางวิชาการ วารสาร บทความ วิจัย ฐานข้อมูลที่ถูกจัดเก็บในระบบดิจิทัลซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ ซึ่งวิธีนี้ ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา ได้รับความนิยมสูง โดยสิ่งที่ต้องระวัง คือ ความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับ ดังนั้น ต้องดูว่าเป็นเอกสารที่มีแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้
2.2) สำรวจจากการสังเกต
เป็นการเข้าไปในชุมชนหรือท้องถิ่น แล้วใช้หลักการสังเกตุ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่จะได้รับข้อมูลครบถ้วนและเชื่อถือได้ แต่อาจทำให้เก็บข้อมูลได้ไม่ครบทุกแง่มุม
2.3) สำรวจจากการสัมภาษณ์
เป็นการสอบถามคนในชุมชนหรือท้องถิ่น โดยอาจจะต้องเลือกคนที่มีความรู้ และมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ รวมถึงผู้นำในชุมชนโดยในการสัมภาษณ์ ผูัสัมภาษณ์ต้องเตรียมคำถามไว้ล่วงหน้าซึ่งเป็นคำถามปลายเปิด เพื่อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ได้แสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ วิธีนี้จะทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงจากชุมชน หรือท้องถิ่น แต่เป็นวิธีที่ต้องใช้เวลาและเสียค่าใช้จ่ายมาก
2.4) สำรวจจากแบบสอบถาม
เป็นวิธีการที่นิยมใช้มากอีกวิธีหนึ่ง เพราะประหยัดเวลากว่าการสำรวจด้วยวิธีอื่น แต่เป็นวิธีการที่เหมาะกับคนในชุมชนหรือท้องถิ่นที่สามารถอ่านออกเขียนได้ ซึ่งการทำแบบสอบถามต้องทำการศึกษารายละเอียดของชุมชนหรือท้องถิ่นมาก่อน เพื่อจะได้สามารถตั้งคำถามในประเด็นที่ต้องการได้ครบถ้วน
3. ประเภทของปัญหา
เป็นการสำรวจปัญหาในชุมชนหรือท้องถิ่น เพื่อนำปัญหาหรือความต้องการของคนในชุมชน มาแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยี โดยมีวิธีการสำรวจ 4 วิธี ดังนี้
3.1) ปัญหาด้านเศรษฐกิจ คือ ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพ เช่น การผลิต การจำหน่ายการบริโภค การบริการต่างๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในชุมชน ซึ่งมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. การขาดแคลนปัจจัยการผลิตและปัจจัยที่จำเป็น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลิต ได้แก่ ที่ดิน เงินทุน แรงงาน วัตถุดิบ และเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ
2. การถือครองที่ดิน เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง บางรายประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องทุกปีจนต้องขายที่ดินทำกินไปบางส่วน
3. ภัยธรรมชาติในช่วยภัยแล้ง เกษตรกรไม่สามารถทำการผลิตได้ เนื่องจากระบบชลประทานไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตร
3.2) ปัญหาด้านสังคม คือ ภาวะใดๆ ในสังคมที่คนจำนวนมากถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติ ไม่พึงปรารถนา รู้สึกไม่สบายใจ และต้องการให้มีการแก้ไขให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ด้านคุณภาพของคน เช่น ปัญหาหนี้สินในครัวเรือน ปัญหาทางการศึกษา
2. ด้านความเป็นอยู่ เช่น ปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เพิ่มขึ้น ปัญหามลพิษจากแหล่งน้ำในชุมชนหรือท้องถิ่น ปัญหาเส้นทางการคมนาคมในพื้นที่ห่างไกล ปัญหาโรคระบาดในคนและสัตว์
3. ด้านความมั่นคง เช่น ปัญหาการก่อคดีอาญาเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะคดียาเสพติด ปัญหาการก่อการร้าย ปัญหาการลักลอบค้าสิ่งผิดกฏหมายของผู้มีอิทธิพล
3.3) ปัญหาด้านวัฒนธรรม คือ ภาวะใดๆ ในสังคมที่คนจำนวนมากถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติ ไม่พึงปรารถนา รู้สึกไม่สบายใจ และต้องการให้มีการแก้ไขให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ด้านคุณภาพของคน เช่น ปัญหาหนี้สินในครัวเรือน ปัญหาทางการศึกษา
2. ด้านความเป็นอยู่ เช่น ปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เพิ่มขึ้น ปัญหามลพิษจากแหล่งน้ำในชุมชนหรือท้องถิ่น ปัญหาเส้นทางการคมนาคมในพื้นที่ห่างไกล ปัญหาโรคระบาดในคนและสัตว์
3. ด้านความมั่นคง เช่น ปัญหาการก่อคดีอาญาเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะคดียาเสพติด ปัญหาการก่อการร้าย ปัญหาการลักลอบค้าสิ่งผิดกฏหมายของผู้มีอิทธิพล
3.4) ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม คือ ปัญหาที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือย และขาดความรอบคอบจนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ธณรมชาติ ดินน้ำ อากาศ ระบบนิเวศ โดยทุกปัญหาที่เกิดขึ้นมีความเกี่ยวพันกัน อย่างเป็นระบบและส่งผลกระทบกันเป็นลูกโซ่ โดยสามารถจำแนกได้ 3 ประเภท ดังนี้
1. ปัญหาภัยธรรมชาติ เช่น วาตภัย อุทกภัย ความแห้งแล้ง แผ่นดินไหว ทำให้เกิดความเสียหายในทางเศรษฐกิจ
2. ปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ เกิดจากความไม่สมดุลของจำนวนประชากร การรบกวนธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จนเกินความพอดี
3. ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม เกิดจากการที่มนุษย์บริโภคทรัพยากรธรรมชาติในปริมาณที่สูงขึ้นทุกขณะ โดยผ่านกระบวนการผลิดทางอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ
การใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหา
มนุษย์สร้างสรรค์เทคโนโลยีขึ้นมาใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันอยู่ตลอดเวลาในทุกยุคสมัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยใช้องค์ความรู้ในหลายศาสตร์ผสมผสานกัน จนเกิดเป็นนวัตกรรมขึ้นมา ในปัจจุบันจะเน้นการสร้างเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
1. ระดับของเทคโนโลยีที่ใช้ในการแก้ปัญหา
1.1 เทคโนโลยีระดับพื้นบ้านหรือพื้นฐาน
เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการดำรงชีพ อาศัยทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นพัฒนาเป็นเทคโนโลยีโดยเทคโนโลยีระดับพื้นบ้าน เกิดจากการสังเกต จดจำ และฝึกหัดจนเกิดประสบการณ์ตรง เช่น
เทคโนโลยีในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น การทำมีดพร้า จอบเสียมทราด
เทคโนโลยีในการแปรงรูปผลผลิต การถนอมอาหารเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาและชะลอการเน่าเสียของอาหาร โดยที่ยังรักษาคุณค่าทางโภชนาการไว้ เช่น การตากแห้ง การแช่แข็ง
การคิดค้นตำหรับยาสมุนไพร เช่น ยากแก้ไข้ ยาขับลม ยาบำรุงโลหิต
1.2 เทคโนโลยีระดับกลาง
เป็นเทคโนโลยีที่ต้องการความรู้และประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น มีการใช้กลไกที่ซับซ้อนมากขึ้น ผู้ปฏิบัติงานจึงต้องมีความรู้และมีทักษะ รวมทั้งมีประสบการณ์มากขึ้น เช่น
เทคโนโลยีที่ใช้เป็นเครื่องมือทุ่นแรง หรือ เครื่องมือที่เกษตรกรใช้ในการทำงานเกษตรเพื่อช่วยลดความยากลำบากในการทำงาน เช่น รถไถนา รถดำนา รถเกี่ยวนวดข้าว เครื่องอัดฟาง เครื่องหวานปุ๋ย เครื่องฝังปุ๋ย เครื่องพ่นอเนกประสงค์
1.3 เทคโนโลยีระดับสูง
เป็นเทคโนโลยีที่ต้องอาศัยประสบการณ์ขั้นสูง มีการใช้ระบบฐานข้อมูลและการติดต่อสื่อสารตลอดจนมีการศึกษาและวิจัยพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และมีการลงทุนสูงเพื่อให้ได้ผลงานเทคโนโลยีเหล่านั้น เช่น
เทคโนโลยีที่ใช้ทางการเกษตร เช่น การตัดแต่งพันธุกรรมพืช การประยุกต์ใช้ Internet of Things (IoT) ในการทำ Smart Farm โดยใช้เครื่องมืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่สามารถเชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลได้ และสามารถควบคุมการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต เช่น หุ่นยนต์
สรุปได้ว่า
ปัจจัยสำคัญที่จำเป็นต้องพิจารณาในการเลือกใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหา มีดังนี้
ทรัพยากรทางเทคโนโลยี ต้องพิจารณาให้ครบทั้ง 7 ด้านเพื่อให้แน่ใจว่ามีความพร้อมครบทุกด้าน
ผลกระทบต่อมนุษย์และสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในชุมชน จำเป็นต้องประเมินผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบในแต่ละด้านเพื่อวิเคราะห์ ความคุ้มค่าและเลือกทางเลือกที่มีผลกระทบทางลบน้อยที่สุด
ความถูกต้องด้านทรัพย์สินทางปัญญา ควรตรวจสอบให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้ เกิดปัญหาในภายหลัง รวมถึงการนำมาอ้างอิงให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ